สัมผัส เปลี่ยนไป

โดย พร อันทะ เมื่อ

ยามค่ำคืน ผมมักออกมานั่งที่ระเบียงหลังห้องชั้น 5 (อีกแล้ว) ฟังเสียงเขียดเสียงจิ้งหรีดและสารพัดแมลงร้องแข่งกัน ผสมกับเสียงยวดยานบนถนนข้างๆ บ้าง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ทรมานใจเท่ากับอยู่กรุงเทพฯ อากาศที่เย็นสบายกว่า บริสุทธิ์กว่า

ครบ 1 สัปดาห์พอดีกับการย้ายถิ่นที่พักพิงของผม ความรู้สึกเหมือนได้กลับไปสัมผัสสภาพแวดล้อมแบบเก่าๆ อีกครั้ง ความเงียบสงบในยามค่ำคืนของหลายๆ คืนที่ผ่านมา ทำให้สมองสงบลงและคิดลำดับเรื่องราวหลายๆ อย่างได้ดีมากยิ่งขึ้น

สิ่งที่ผมเปลี่ยนไปโดยไม่เคยคิดว่าจะเปลี่ยนคือ การหันหน้ามาเข้าสู่ปากกาและกระดาษ ทั้งที่มี Notebook สามารถเปิดพิมพ์ได้เลยอยู่ใกล้ๆ มือ แต่ผมเลือกที่จะเขียน เฉย เฉย

อาจเป็นไปได้เพราะตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ผมยุ่งอยู่แต่กับคอมพิวเตอร์ซะเป็นส่วนใหญ่ เอะอะอะไรก็พิมพ์ จนบางครั้ง เวลาต้องใช้ปากกาเขียนอะไรบางอย่างต้องมีอันเป็นงงกับลายมือตัวเอง

ยามค่ำคืน ผมมักออกมานั่งที่ระเบียงหลังห้องชั้น 5 (อีกแล้ว) ฟังเสียงเขียดเสียงจิ้งหรีดและสารพัดแมลงร้องแข่งกัน ผสมกับเสียงยวดยานบนถนนข้างๆ บ้าง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ทรมานใจเท่ากับอยู่กรุงเทพฯ อากาศที่เย็นสบายกว่า บริสุทธิ์กว่า สูดลมหายใจเข้าได้เต็มปอด ถึงแม้เวลาเงยหน้าขึ้นมองขอบฟ้าจะเจอป้ายเทสโก้ โลตัส ตั้งตระหง่านตรงหน้าให้เสียบรรยากาศบ้างก็ตาม ยังพอทนได้

ผมใช้เวลาครึ่งวัน เช้าหรือบ่าย แล้วแต่สะดวก ห้วงในการขลุกอยู่ในห้องสมุด มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.หาดใหญ่) ไม่ใช่เข้าไปนอนแช่แอร์เย็นๆ หรือ เหล่หนุ่มๆ เอ้ย สาวๆ นักศึกษา แต่เพียงแค่อยากหาสถานที่ขีดๆ เขียนๆ อะไรบางอย่างเรื่อยเปื่อยตามประสา

สมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ห้องสมุดกับผม เป็นอะไรที่ไม่ถูกกันอย่างมาก ถึงแม้จะเป็นคนชอบอ่านหนังสือมากมายเพียงใด ก็ไม่ค่อยย่างกรายเข้าใกล้ห้องสมุดเลย แต่ตอนนี้ ผมกลับเลือกที่จะนั่งอยู่ในห้องสมุดที่เย็นและเงียบ เหมาะแก่การนั่งคิด ขีดๆ เขียนๆ แทน เพียงแค่เดินออกจากห้องพักไปอีก 500 เมตร สวรรค์ก็ตั้งรออยู่ตรงหน้าแล้ว สามารถแวะใต้ตึกคณะแพทย์ฯ เพื่อละเมียดกาแฟสดก่อนถึงห้องสมุดได้อีก ด้วยราคา 20 บาท (เรียกได้ว่า เลิกคิดถึงสตาร์บัคได้เลย)

ออกกำลังกาย!

เป็นอะไรที่ผมใฝ่ฝันมากนาน หลังจากห่างหายไปหลายเดือน ผมเลือกที่จะวิ่ง เพื่อฟื้นฟูสภาพกล้ามเนื้อก่อนเป็นอันดับแรกสลับกับการเดินรอบๆ อ่างเก็บน้ำที่ไม่ใหญ่ ใน มอ.นั่นเอง สนนที่รอบละประมาณ 2 กม. วันนี้ผมวิ่งไป 1 รอบ และเดินไป 1 รอบ เหนื่อยเอาการ แต่รู้สึกได้ถึงสภาพร่างกายที่กำลังเปลี่ยนไป

KLOSTER อุ่นๆ กลิ่นแปลกๆ หมดไปแล้วหนึ่งขวด สภาพการจราจรของถนนข้างๆ อพาร์ทเมนต์เริ่มเบาบาง เสียงเขียด จิ้งหรีด และเหล่าสารพัดแมลงยังคงขับขานระงม

แต่เสียงที่ดังยิ่งกว่า คือเสียงหัวใจที่สูบฉีดเลือดอย่างกระปรี้กระเปร่า เพื่อให้ขี้เลื่อยที่ผสมกับหางอึ่งในหัวของผม ทำงานได้ดีขึ้น เงียบขึ้น มองอะไรที่แปลกแตกต่างและเข้าใจมากยิ่งขึ้น

ก่อนที่คลอสเตอร์เบียร์ขวดที่สองจะถูกเปิด

มีความสุขตามอัตภาพบ้าง จะเป็นไร อย่างน้อยชีวิตนี้ เราก็ไม่ได้ทุกข์ไปซะหมด