กลัว
โดย พร อันทะ เมื่อ
ทำไมมันไม่คุยวะ หยิ่งว่ะ ไอ้นี่ แล้วมันจะเอา อีเมลล์มันมาเปิดเผย ให้คนเขา add เข้ามาคุยด้วยทำไม?? คำถามเหล่านี้ อาจเกิดขึ้นกับบางคนที่เอาอีเมลล์ เอ็มเอสเอ็นของผม เข้าไปไว้ในลิสต์ แล้วเห็นผมออนไลน์ ตลอดเวลา
แต่ผมกลัวการพูดคุยกับคนแปลกหน้าในสังคมมากกว่า มันไม่ใช่กลัวมานาน แต่มันเริ่มก่อตัว หรืออีกฝั่งหนึ่งกลัวการพูดคุยกับคนหน้าแปลกอย่างผมหรืออย่างไร
“อย่ามองคนแค่เพียงภายนอก” คำนี้ ครูบาอาจารย์ พร่ำสอนมาแต่ไหนแต่ไร เราเองจำได้ขึ้นใจ แต่บางที คนอื่นเขาไม่เห็นจะจำแบบเราบ้าง
เวลา ห้าทุ่ม ค่ำคืนหนึ่ง:
* “พี่ เข้าไม่ได้ครับ”
* “อะไรนะครับ ทำไมหรือครับพี่”
* “ผมเพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่นี้เอง”
*
* “ก็ มัน มัน เข้าไม่ได้ครับ”
* “ดูท่าทางพี่มันร็อคแอนด์โรลเกินไป”
* “???????…..”
ผมยืนงง ปนความสงสัยเล็กๆ อยู่หน้าผับแห่งหนึ่ง ย่าน RCA ประตูที่ผมเพิ่งเดินออกมา แต่ ผมกลับเข้าไปอีกไม่ได้ เพราะหน้าตาร็อคแอนด์โรลเกินไป มันเหนือคำบรรยาย คงไม่เคยมีใครในที่นี้โดนห้ามเข้าผับเพราะเหตุผลแบบผมเป็นแน่แท้
เวลา ตีสามกว่าๆ ปากซอย ย่ำรุ่งวันหนึ่ง :
หญิงสาวผู้นั่นดูสายตากังวลมากกว่าปกติ เธอเดินไปพร้อมกลับหันหลังมามองหน้าผมบ่อยครั้ง
ไม่บ่อยนักที่ผมจะเจอเธอดึกดื่นค่อนเช้าแบบนี้
เธอรีบสาวเท้าให้ทันแฟนหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่เดินไปก่อนหน้า
ร้านสะดวกซื้อ:
ผมยืนรอจ่ายตังค์ต่อจากหญิงวัยกลางคน ในมือถือกระป๋องนมพร้อมขนมปัง เพื่อเอามาเพิ่มพลังกรำงานต่อให้ถึงเช้า
หญิงสาวเมื่อครู่ยืนเกาะแขนชายหนุ่มอยู่หน้าร้าน รออาหารที่สั่งไว้ในไมโครเวฟ
สายตาคู่นั้นของเธอจ้องมองมาที่ผมอีก สามสี่ครั้ง
* “พี่ ๆ เดินในซอยนี้ระวังด้วยนะคะ”
* “พวกวิ่งราวมันเยอะ”
เธอเปิดฉากพูดคุยกับหญิงวัยกลางคนที่ชำระเงินอยู่ก่อนหน้า เชิงเตือนให้ระวังอันตรายจากโจรวิ่งราว และเบือนสายตามามองผมอีกครั้ง ประหนึ่งว่า อย่านะมึง กูบอกพี่เขาแล้ว
ผมได้แต่ยิ้มในใจ และคิดไปเองว่า
“ที่นี่ไม่มีหรอกครับวิ่งราว มีแต่ลาววิ่ง อยากเห็นไหมครับ จะวิ่งโชว์”
สองสามวันก่อน: ร้านขายกล้อง
Zdfghaeihhc;mck&**&^(843=08523-ikd;sf45
**/dfdfdf25vsxcj-[‘)(&*#&%^*#+()_[KK)I_)
lyfoสัดfjaosfhsojg9r*&#(%_)(*%(^&
fuck you boy!
เมื่อวาน : โรงหนัง
ทำไมวะ หน้าตาอย่างนี้ ต้องดู “คนมาหาเฮีย” เท่านั้นหรือ ดู “Shrek” ไม่ได้หรือไง ไม่เข้าใจ
ทุกอย่าง มันไม่ได้เพิ่งเกิด แต่มันสะสม อาจจะเป้นเหตุผลเบื้องลึกที่กระตุ้นจิตใจ ให้ช่วงนี้ผมอยากกลับไป หาปูหาปลากับแม่ ที่บ้านซักพัก
เพราะการใช้ชีวิตในเมืองกรุงของลูกชาวนาบ้านๆ อย่างผมคนนึง แบบนี้มันออกจะหนักเอาการ มันอาจจะไม่ได้หนักเหมือนการแบกระสอบข้าวสาร
แต่มันหนัก ในการแบกรับความรู้สึกในจิตใจ บางที มันต้องหาที่ปล่อยวางเอาไว้ แล้วค่อยมาตั้งหลักว่ากันใหม่
ก่อนที่ผมจะกลายเป็นโรคกลัวกิจกรรมทางสังคมไปมากกว่านี้
“อย่ามองคนแค่เพียงภายนอก” คำนี้ เราจำได้ ครูพร่ำสอนมาแต่เยาว์วัย แต่บางที มันใช้ไมได้กับบางสังคมและบางความเคลื่อนไหวของจิตใจ
อย่าไปสนใจมากมายนักว่าคนอื่นจะมองเราว่าเป็นยังไง ขอเพียงแค่เรารู้และเข้าใจตัวเราเอง ว่าเราเป็นใคร แค่นั้นพอ
มันเพียงพอจริงๆ หรือ
หวาดระแวง ตามอัตภาพบ้าง จะเป็นไรไป อย่างน้อยถ้าเกิดอันตราย เราจะได้รับมือทัน
ปล. หลังจากนั้นเวลาผ่านไปประมาณ 2 ปี ผมกลั่นความรู้สึกแแกมาเป็นเพลงชื่อว่า “มีตำหนิ” เผยแพร่ใน Youtube ในปี 2011